- แสดงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิแรงงาน
ในการกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ขู่ว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรหรือกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมก็ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน หลังจากที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีนก็มีความเสี่ยงสูงที่สินค้าจากจีนจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น
หากบริษัทนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งต่อต้นทุนทางภาษีเหล่านี้ให้กับผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯ ในรูปแบบของราคาขายปลีกที่สูงขึ้น ผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะเป็นผู้รับภาระทางเศรษฐกิจนี้ตามมา
- กลุ่มผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไป กำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนทางอาชีพครั้งใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมส่งออกและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงต่อการลดชั่วโมงทำงาน การเลิกจ้าง และรายได้ที่ลดลง กลายเป็นเงาที่คุกคามความมั่นคงในชีวิตประจำวัน และทำให้การดิ้นรนทางเศรษฐกิจยากลำบากยิ่งขึ้น
สถาบันแห่งนี้ระบุอีกว่า มาตรการทางภาษีของทรัมป์จะส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้นแบบยกแผง และทำให้ผู้บริโภคต้องเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายลง
เลือกวิธีการสมัครสมาชิกที่คุณต้องการ
- กลุ่มเจ้าของกิจการ นักลงทุน และผู้มีฐานะ แม้จะมีทรัพยากรมากกว่า แต่ก็เผชิญความท้าทายที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน Trump ตั้งกำแพงภาษี โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจส่งออกที่ต้องรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น ยอดขายที่ลดลง และการแข่งขันที่ดุเดือด ขณะที่นักลงทุนต้องเผชิญกับความผันผวนและความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง
ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เช่น ข้อต่อ ลวดเกลียว สลิง ตะปู สะพานและชิ้นส่วน ประตูน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ ของใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร
ตามที่นายทรัมป์เปิดเผย สหรัฐฯ ประเทศที่จะถูกเก็บภาษีต่างตอบแทนได้แก่
โดยในจดหมายที่โพสต์ถึงประเทศไทยมีใจความดังนี้
สถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศระบุว่า สำหรับสหรัฐฯ แล้ว การตั้งกำแพงภาษีไม่เพียงมีส่วนส่งเสริมการผลิตเหล็กและอะลูมิเนียม แต่ยังทำให้ราคาของสินค้าประเภทดังกล่าวมีราคาสูงขึ้นด้วย ผลกระทบจากเรื่องนี้ยังทำให้งานหลายพันตำแหน่งในอุตสาหกรรมการผลิตอื่น ๆ ต้องหายไปด้วย
ภาษีศุลกากรประเภทใดที่ทรัมป์ปรับเพิ่มขึ้นตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ?
“เราจะเก็บภาษีพวกเขาประมาณครึ่งหนึ่งจากที่พวกเขาทำและเก็บจากสหรัฐฯ มาตลอด ดังนั้นกำแพงภาษีนี้ยังไม่ใช่การตอบโต้อย่างเต็มที่” นายทรัมป์กล่าว “ผมควรจะทำอย่างนั้น ผมคิดว่านะ แต่มันคงจะยากลำบากสำหรับประเทศมากมาย และเราไม่ต้องการทำแบบนั้น”